สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์

ประวัติความเป็นมาของสมาคมฯ

ด้วยผลสำเร็จในการจัดงาน เศรษฐศาสตร์สังสรรค์ ครั้งที่1 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2510 นายเกยูร ลิ่มทอง จึงริเริ่มก่อตั้งสมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงานสังสรรค์ และได้รับการอนุมัติจัดตั้ง สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2511

Read More

ข้อบังคับของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์

ข้อบังคับของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์

 

หมวดที่ ๑   ความทั่วไป

ข้อ ๑.     สมาคมนี้มีชื่อว่า  “ สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์

              ย่อว่า  “ ส.ศ.ธ. ”  เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  “ The Thammasat  Economics  Association ”

              ย่อว่า  “ T.E.A. ”

ข้อ ๒.    เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูป  โดมมีรวงข้าว ๒ รวงรองรับ  มีชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ส่วนล่าง

รูปของเครื่องหมายสมาคม

 

 

ข้อ ๓.    สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่  ณ อาคารคณะเศรษฐศาสตร์ชั้นที่ ๔ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เลขที่ ๒  แขวงพระบรมมหาราชวัง  กรุงเทพมหานคร

ข้อ ๔.    วัตถุประสงค์ของสมาคม  เพื่อ

                ๔.๑    ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนักเศรษฐศาสตร์  และผดุงเกียรติของมวลสมาชิก

                ๔.๒    เผยแพร่ความรู้  ทางวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์

                ๔.๓    ส่งเสริมคณะเศรษฐศาสตร์ให้เจริญก้าวหน้า  และสนับสนุนการศึกษา  การวิจัยวิชาการทางเศรษฐศาสตร์

                ๔.๔    ช่วยเหลือและสนับสนุนนักศึกษาเศรษฐศาสตร์

                ๔.๕    ช่วยเหลือและส่งเสริมสามัคคีธรรม  ของสมาชิกในสมาคมในทางที่เป็นประโยชน์ซึ่งไม่ขัดต่อกฎหมาย  และศีลธรรมอันดีของปวงชน

 

หมวดที่ ๒   สมาชิก

ข้อ ๕.    สมาชิกของสมาคมมี ๓ ประเภท  คือ

                ๕.๑    สมาชิกสามัญ  ได้แก่  ผู้สำเร็จปริญญาตรีขึ้นไป  หรือผู้ที่เคยขึ้นทะเบียนเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์  และพ้นสภาพเป็นนักศึกษาตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยไปแล้ว หรือผู้ที่เคยเป็นอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์  หรือผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากคณะเศรษฐศาสตร์  หรือผู้ที่รับปริญญาเศรษฐศาสตร์จากสถาบันอื่น ๆ ซึ่งคณะกรรมการมีมติเห็นชอบ

                ๕.๒    สมาชิกกิตติมศักดิ์  ได้แก่  บุคคลผู้ทรงเกียรติ  หรือทรงคุณวุฒิ  หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคม  ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

                ๕.๓    สมาชิกสมทบ  ได้แก่  บุคคลที่กำลังศึกษา  วิชาการทางเศรษฐศาสตร์

ข้อ ๖.     สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ  ดังต่อไปนี้

               ๖.๑     เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

               ๖.๒     เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

               ๖.๓     ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้บุคคลล้มละลาย  หรือไร้ความสามารถ  หรือเสมือนไร้ความสามารถ  หรือต้องโทษจำคุก  ยกเว้นความผิดฐาน ประมาทหรือหลุโทษการต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดในกรณีดังกล่าว  จะต้องเป็นในขณะที่เข้าสมัครเป็นสมาชิกหรือระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

ข้อ ๗.     ค่าลงทะเบียน  และค่าบำรุงสมาคม “ สมาชิกทุกประเภท เสียค่าบำรุงตลอดชีพ ๑๐๐ บาท

ข้อ ๘.     การสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคม  ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคมอื่น  ใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ  โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย ๑ คน และให้เลขาธิการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้  ณ สำนักงานของสมาคม  เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน  เพื่อให้สมาชิกคนอื่น ๆ ของสมาคมจะได้คัดค้านการสมัครนั้น  เมื่อครบกำหนดประกาศแล้วก็ให้เลขาธิการนำใบสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี)  เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่า  จะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคระกรรมการพิจารณาการสมัครแล้ว  ผลเป็นประการใดให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว

ข้อ ๙.     สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์  ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม  ได้มาถึงยังสมาคม

ข้อ ๑๐.   สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

                ๑๐.๑     ตาย

                ๑๐.๒     ลาออก  โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ  และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติ  และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย

                ๑๐.๓     ขาดคุณสมบัติสมาชิก

                ๑๐.๔     ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม  หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

ข้อ ๑๑.   สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

                ๑๑.๑     มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

                ๑๑.๒     มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานของสมาคมต่อคณะกรรมการ

                ๑๑.๓     มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

                ๑๑.๔     มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

                ๑๑.๕     สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง  หรือได้รับการเลือกตั้ง  หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม  และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ ๑ คะแนนเสียง

                ๑๑.๖     มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ  เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

                ๑๑.๗     มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า ๒๕ คน  ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

                ๑๑.๘     มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ  และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด

                ๑๑.๙     มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม

                ๑๑.๑๐   มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม

                ๑๑.๑๑   มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

                ๑๑.๑๒   มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

 

หมวดที่ ๓   การดำเนินกิจการสมาคม

ข้อ ๑๒.   ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมฯ จำนวนอย่างน้อย ๑๕ คน  อย่างมากไม่เกิน  ๗๕ คน   โดยให้ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ฯ เป็นผู้เลือกตั้งนายกสมาคม  ๑ คน  สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง

               ๑๒.๑     นายกสมาคม       ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมเป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก  และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ  และการประชุมใหญ่ของสมาคม

               ๑๒.๒    อุปนายก              ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติตามหน้าที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่  หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้  แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำแทน

               ๑๒.๓    เลขาธิการ            ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้า  เจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม  และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม  ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

               ๑๒.๔    เหรัญญิก             มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม  เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย  บัญชีงบดุลของสมาคม  และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ

               ๑๒.๕    ปฏิคม                  มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม  เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม  และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

               ๑๒.๖    นายทะเบียน         มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก

               ๑๒.๗    ประชาสัมพันธ์      มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

               ๑๒.๘    กรรมการตำแหน่งอื่นๆ    ตามความเหมาะสม  ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตาม

ข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

                            คณะกรรมการชุดแรก  ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้ง  ประกอบด้วยนายกสมาคมและกรรมการอื่น ๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของสมาคม

ข้อ ๑๓.   คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๒ ปี  และเมื่อคณะกรรมการอยู่ตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว  แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ  ก็ให้มีคณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ  และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน  นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนทางราชการ

ข้อ ๑๔.   ตำแหน่งกรรมการสมาคม  ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้นแต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

ข้อ ๑๕.   กรรมการอาจจะพ้นตำแหน่ง  ซึ่งมิใช่เป็นการลาออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้  คือ

               ๑๕.๑     ตาย

               ๑๕.๒     ลาออก

               ๑๕.๓     ขาดจากสมาชิกภาพ

               ๑๕.๔     ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

ข้อ ๑๖.   กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ  และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก

ข้อ ๑๗.   อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

               ๑๗.๑     มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ  โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้

               ๑๗.๒     มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม

               ๑๗.๓     มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา  หรืออนุกรรมการได้  แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการ  จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง กรรมการที่ปรึกษาไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการประชุมคณะกรรมการ

               ๑๗.๔     มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี  และประชุมใหญ่วิสามัญ

               ๑๗.๕     มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

               ๑๗.๖     มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม  เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์  ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

               ๑๗.๗     มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด  รวมทั้งการเงิน  และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

               ๑๗.๘     มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ  ตามที่สมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่า ๒๕ คนร้องขอ  ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน  นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

               ๑๗.๙     มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน  ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ  และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชอกร้องขอ

               ๑๗.๑๐   จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม  เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

               ๑๗.๑๑   มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

ข้อ ๑๘.   คณะกรรมการต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ ๔ ครั้ง

ข้อ ๑๙.   การประชุมคณะกรรมการ  จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า  ๑๕ คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม  มติของที่ประชุมคณะกรรมการ  ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น  ก็ให้ถือคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของกรรมการผู้เข้าร่วมประชุมเป็นเกณฑ์  แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน  ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๐.   ในการประชุมคณะกรรมการ  ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม  หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้  ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง  เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ ๔   การประชุมใหญ่

ข้อ ๒๑.   การประชุมใหญ่ของสมาคม ๒ ชนิด  คือ

               ๒๒.๑     ประชุมใหญ่สามัญ

               ๒๒.๒     ประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ ๒๒.   คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ๑ ครั้ง  ภายใน ๑๒๐ วัน  นับจากวันสิ้นสุดรอบบัญชีประจำปีของสมาคม

ข้อ ๒๓.   การประชุมใหญ่วิสามัญ  อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้นหรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า ๒๕ คน

ข้อ ๒๔.   การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร  โดยระบุวัน  เวลา  และสถานที่ให้ชัดเจนโดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน  และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้  ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๗ วัน  ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่

ข้อ ๒๕.   การประชุมใหญ่สามัญประจำปี  จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

               ๒๕.๑     แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

               ๒๕.๒     แถลงบัญชีรายรับ  รายจ่าย  และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

               ๒๕.๓     เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่  เมื่อครบกำหนดวาระ

ข้อ ๒๖.   ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี  หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า  ๕๐ คนของสมาชิกสามัญทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุม

ข้อ ๒๗.   การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุม  ถ้าข้อบังคับได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น  ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์  แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน  ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๘.   ในการประชุมใหญ่ของสมาคม  ถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้  ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง  ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ ๕   การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ ๒๙.   การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ  เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารพาณิชย์  หรือสถาบันการเงินที่รัฐบาลรับรองหรือให้ลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาล  หรือหลักทรัพย์รัฐวิสาหกิจที่มีฐานะมั่นคง  ที่รัฐบาลเป็นประกัน

ข้อ ๓๐.   การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม  จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม  หรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก  หรือเลขาธิการ  พร้อมกับประทับตราของสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ ๓๑.   ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน)  ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการหรือกรรมการอย่างน้อย ๒ ท่าน  ที่ได้รับมอบหมายและจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านบาทถ้วน)  ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

ข้อ ๓๒.   ให้เหรัญญิก  มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน)  ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้  จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ ๓๓.   เหรัญญิก  จะต้องทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย  และบัญชีงบดุล  ตามหลักวิชาการ และมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป  รอบบัญชีประจำปีของสมาคมกำหนดให้เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี  การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของนายกสมาคม หรือผู้กระทำแทนร่วมกับเหรัญญิก หรือผู้กระทำแทนทุกครั้ง

ข้อ ๓๔.   ผู้สอบบัญชี  จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม  และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ ๓๕.   ผู้สอบบัญชี  มีอำนาจหน้าที่เรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเชิญกรรมการ  หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถาม  เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ ๓๖.   คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี  เมื่อได้รับการร้องขอ

 

หมวดที่ ๖   การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ ๓๗.   ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น  และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า  ๕๐ คน ของสมาชิกสามัญทั้งหมด  มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ  จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า  ๒ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๓๘.   การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม  ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย  มติของที่ประชุมใหญ่ที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า  ๓ ใน ๔  ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๓๙.   เมื่อสมาคมต้องเลิก  ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม  ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ให้ตกเป็นของ มูลนิธิคณะเศรษฐศาสตร์  หากมูลนิธิได้เลิกไปก่อนก็ให้ตกเป็นของ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิชาการทางเศรษฐศาสตร์

 

หมวดที่ ๗   บทเฉพาะกาล

ข้อ ๔๐.   ข้อบังคับฉบับนี้นั้น  ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป

ข้อ ๔๑.   เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ  ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญ

 

 

13 มกราคม 2566

ผู้ชม 1077 ครั้ง

Engine by shopup.com